เทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ความสามารถของ AI ในการเก็บรวบรวม ประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลได้ทุกอย่างเป็นประโยชน์ต่อหลายภาคส่วน อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ก็มีความเสี่ยงที่เราต้องตระหนักถึง โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) 🌐
1. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลด้วย AI ⌛
AI สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลได้จากหลายแหล่งโดยอัตโนมัติ และ ประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้รวดเร็วกว่ามนุษย์หลายเท่า ทำให้หลายองค์กรนิยมนำ AI ไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น Airbnb เก็บข้อมูล ที่พักที่ผู้ใช้ค้นหาและรีวิวของผู้ใช้ เพื่อแนะนำที่พักที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ หรือ Shopee สินค้าที่ผู้ใช้ค้นหา และ สินค้าที่ผู้ใช้ใส่ตะกร้า เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นให้ลูกค้าได้ ซึ่งหากไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล การกระทำเช่นนี้อาจขัดต่อกฎหมาย PDPA ซึ่งกำหนดให้การเก็บรวบรวมข้อมูลต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน
2. การประมวลและการวิเคราะห์ในทางที่ผิดเนื่องจากขาดการควบคุม 🎭
AI มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำซึ่งส่วนใหญ่จะนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์และการตลาด แต่หากข้อมูลที่นำไปใช้ไม่ได้ถูกตรวจสอบอย่างละเอียด จนทำให้เกิดข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล หรือการวิเคราะห์ข้อมูลที่ผิดพลาดก็ทำให้องค์กรจะได้รับผลกระทบได้ เช่น เมื่อปี 2017 มีประเด็นที่ AI ที่ถูกพัฒนาเพื่อช่วยคัดเลือกผู้สมัครงานของ Amazon มีอคติเลือกปฏิบัติกับผู้สมัครงานเพศหญิง แต่อย่างไรก็ดีที่ AI ดังกล่าวอยู่ในช่วงทดลองเท่านั้น ไม่เคยถูกนำไปใช้งานจริง จึงเป็นบทเรียนที่ก่อนการนำ AI ไปใช้ในขั้นตอนใดก็ตามควรทดสอบ และตรวจสอบ อัลกอริทึมของ AI อย่างละเอียด
3. การรั่วไหลของข้อมูลจากการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก 🔓
เนื่องจาก AI ต้องประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญหากมีการรั่วไหลของข้อมูล อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิและความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลอย่างรุนแรง เช่น กรณีของ Cambridge Analytica บริษัทใช้ข้อมูล Facebook ของผู้ใช้ 87 ล้านคน อย่างผิดกฎหมาย เพื่อโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง ทำให้ Facebook ต้องรับผิดชอบโดยเสียค่าปรับ ให้รัฐบาลสหรัฐฯ จำนวน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 150,000 ล้านบาท โทษฐานทำข้อมูลส่วนตัวของประชาชนรั่วไหล
